จังหวัดอ่างทอง ถือเป็นจังหวัดเล็กๆ ทางภาคกลาง ที่ใครหลายๆ คน อาจจะมองเป็นแค่จังหวัดทางผ่านไปยังภาคเหนือ จังหวัดที่อาจจะถูกมองข้ามเรื่องของการท่องเที่ยวไปอย่างสิ้นเชิง และเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าการมาเที่ยวจังหวัดอ่างทองในครั้งนี้ เราจะได้พบกับอัญมณีแห่งงานหัตถกรรมไทยระดับพรีเมี่ยมที่ถูกซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชุมชนเล็กๆ ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายริมแม่น้ำน้อยที่ไหลผ่านชุมชนบางเจ้าฉ่า จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของงานประดิษฐ์งานศิลป์ที่ทำจากไม้ไผ่และหวาย โดยใช้ไม้ไผ่สีสุกจักเป็นตอกเส้นบางสีเหลืองนวลตามธรรมชาติ เมื่อสานขึ้นรูปขึ้นลายจะได้ชิ้นงานที่ละเอียดสวยงามรวมกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความทันสมัย อีกทั้งยังได้รับรางวัลการันตีงานหัตถกรรมระดับห้าดาว สร้างความภาคภูมิใจให้กับพี่น้องชาวชุมชนบางเจ้าฉ่าเป็นอย่างมาก
กิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบางเจ้าฉ่า อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
1. ชมงานหัตถกรรมจักสานแบบดูดีมีระดับที่บ้านจักสานครูอ๊อด
2. นั่งรถอีแต๋นพาทัวร์ชุมชน แวะชมต้นยางใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ
3. ชมสวน ชิมกระท้อนพันธ์ทองใบใหญ่
4. เข้าครัวลองทำเมนูพื้นบ้าน “สายบัวต้มกะทิปลาทู”
5. ชมสวนสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จาก “ป้าปุ้ม” มือนวดคิวทองแห่งบางเจ้าฉ่า
6. ชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ศูนย์จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมบ้านบางเจ้าฉ่า
* นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบกิจกรรมที่เหมาะสมในแต่ละช่วง และติดต่อชุมชนล่วงหน้า เพื่อให้ทางชุมชนได้เตรียมความพร้อมในแต่ละกิจกรรมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
1. ชมงานหัตถกรรมจักสานแบบดูดีมีระดับที่บ้านจักสานครูอ๊อด
“ครูอ๊อด พรชัย บุญรื่น” ประธานกลุ่มสานศิลป์บางเจ้าฉ่า เปิดบ้านเป็นสถานีการเรียนรู้เกี่ยวกับการจักสานไม้ไผ่แบบครบวงจร มีคุณย่า คุณยาย นั่งสาธิตการทำงานจักสาน ให้ความรู้พวกเราเริ่มตั้งแต่กระบวนการเลือกไม้ไผ่ จักตอก เลือกลวดลาย สานลวดลาย ไปจนถึงเทคนิคการรมควันด้วยฟางกันมอด งานจักสานของที่นี่มีความโดดเด่นในเรื่องความละเอียดปราณีตของไม้ไผ่และหวาย ในลวดลายที่ได้รับการออกแบบประยุกต์ โดยนำลายผ้า มาผสมผสานใส่ในตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบให้เป็นเครื่องใช้ต่างๆ จนได้ออกมาเป็นงานศิลปะชั้นครู ทำให้งานฝีมือทุกชิ้นของครูนั้น หากไม่ได้จอง หรือสั่งทำล่วงหน้า นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ อาจจะพลาดโอกาสได้ครอบครอง โดยเฉพาะยอดสั่งจองจากต่างประเทศ ที่มีเข้ามาอยู่ตลอดเวลา จนทางกลุ่มสานศิลป์บางเจ้าฉ่าเร่งสานกันไม่ทันเลยทีเดียว
2. นั่งรถอีแต๋นพาทัวร์ชุมชน แวะชมต้นยางใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ
กิจกรรมที่เราจะได้รู้จัก ได้เห็นชุมชนนี้มากขึ้นก็คือ การนั่งรถอีแต๋นทัวร์ชุมชน ที่จะพาเราไปเที่ยวรอบๆ ชุมชนบ้านบางเจ้าฉ่า โดยรถอีแต๋นของที่นี่ จะมุงด้วยหลังคาจากกันแดดกันฝนได้เป็นอย่างดี แถมที่นั่งก็กว้างขวางสะดวกสบาย ซึ่งจุดแรกที่ทัวร์รถอีแต๋นจะพาเราไปชมคือ ต้นยางเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ที่ถือเป็นต้นไม้คู่บ้านบางเจ้าฉ่า มีขนาดสูงใหญ่หลายคนโอบ ร่มรื่นด้วยบรรยากาศลมพัดเย็นๆ พลางนั่งชมลูกยางปลิวลงมาจากต้นใกล้ๆ ฟังเสียงนกร้องบนต้นยาง และสูดความบริสุทธิ์ของอากาศใต้ต้นไม้ใหญ่ให้เต็มปอด
ประมาณการค่าใช้จ่ายกิจกรรมนั่งรถอีแต๋น คันละ 300 บาท (นั่งได้คันละ 15 คน)
3. ชมสวน ชิมกระท้อนพันธ์ทองใบใหญ่
จุดเช็คอินสถานีต่อไปของทัวร์รถอีแต๋น คือ สวนกระท้อนพันธ์ทองใบใหญ่ พันธ์กระท้อนขึ้นชื่อของบางเจ้าฉ่า ที่มีกลิ่นหอม รสชาติหวาน เนื้อกระท้อนนุ่มฟูไม่แข็งกระด้าง และที่สำคัญมีขนาดที่ใหญ่เป็นพิเศษ มีน้ำหนักถึงลูกละครึ่งกิโลกรัม พวกเรากระโจนลงรถสวมวิญญาณลิง ปีนป่าย จับจองกระท้อนกันคนละลูก สองลูก ปาดชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย สำหรับใครอยากจะมาชิมหน้ากระท้อน ผู้นำชุมชนแจ้งว่าต้องมาในช่วงเดือนมิถุนายน เพราะจะเป็นช่วงที่กระท้อนกำลังสุกได้เต็มที่ ใครผ่านไปผ่านมาสามารถแวะอุดหนุนกระท้อนได้ ในราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80 บาท เท่านั้น
4. เข้าครัวลองทำเมนูพื้นบ้าน “สายบัวต้มกะทิปลาทู”
หากนักท่องเที่ยวมากันเป็นกลุ่มใหญ่ เมนูอาหารกลางวันสูตรเด็ดของที่นี่ก็จะมี แกงเลียง, ต้มปลาร้าหน่อไม้, น้ำพริกอีกา, สายบัวต้มกะทิปลาทู และขนมต้มตบท้าย ซึ่งวันนี้พวกเราได้มีโอกาสลงครัวทำเมนู “สายบัวต้มกะทิปลาทู” ของแม่ยุพา วัตถุดิบหลักเป็นสายบัวสดๆ ที่หาได้จากแหล่งน้ำในชุมชน พร้อมลงมือเด็ดสายบัว แกะปลาทู นำกะทิเทใส่หม้อต้มให้เดือด ตามด้วยสายบัวที่เด็ดแล้วต้มจนเปื่อย จากนั้นก็ใส่ปลาทู ปรุงรสด้วยมะขามเปียก เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน ได้ทั้งอิ่มท้องกันแล้ว แถมยังได้วิชาครัวการทำ “สายบัวต้มกะทิปลาทู” สูตรเฉพาะของบ้านบางเจ้าฉ่า กลับไปทำกินอร่อยๆ กันได้เองที่บ้านอีกด้วย
ประมาณการค่าใช้จ่ายกิจกรรมประกอบอาหารกลางวัน 120 บาท/ท่าน
5. ชมสวนสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จาก “ป้าปุ้ม” มือนวดคิวทองแห่งบางเจ้าฉ่า
อีกหนึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่โด่งดังไปทั่วประเทศ “อาภานวดแผนไทย” เป็นที่รู้จักกันดีในฝีมือการนวด จับ ดัด ของ “ป้าปุ้ม” หรือ “อาภา ปรีชากูลย์” วัย 68 ปี ผู้มีภูมิปัญญาการนวดแผนไทยอย่างลึกซึ้งระดับประเทศ จนได้รับการบอกต่ออย่างกว้างขวาง ในส่วนของคิวนวดนั้นถึงกับต้องจองก่อนล่วงหน้า เพราะจะเต็มไวมาก โดยครั้งนี้ ป้าปุ้มได้พาเราเดินเล่นชมสวนสมุนไพรหลากหลายชนิดด้วยตัวเอง พร้อมบรรยายสรรพคุณของสมุนไพรในทำนองเพลงฉ่อยอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นการร้องเพลงการละเล่นของชาวภาคกลางที่หาชมได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน ฟังไปยิ้มไปแถมได้ความรู้กลับมาอีกด้วย
6. ชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ศูนย์จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมบ้านบางเจ้าฉ่า
ก่อนลาจากหมู่บ้านบางเจ้าฉ่า กำนันเฉลา และพี่ส้ม ไกด์นำทริปของเราในวันนี้ ได้เชิญชวนเราเข้าไปแวะเยี่ยมชม และ เลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านในกลุ่มที่ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์จักสานจากไม้ไผ่และหวาย หลากหลายรูปแบบ ฝีมือระดับส่งออกตลอดจนสินค้าแปรรูปของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จากทุกอำเภอ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ตะกร้าจักสานจากหวาย หลากหลายขนาดในราคาที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว แถมมีลายเฉพาะตัวที่มีความประณีตสูงมาก เหมาะกับการซื้อเป็นของฝากให้กับผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง
แหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ระยะห่างจากชุมชน)
วัดขุนอินทประมูล
(9.6 กม.)
พิกัดการเดินทางไปยังชุมชน
การเดินทาง
ติดต่อผู้ประสานงานการท่องเที่ยวโดยชุมชน และที่พักโฮมสเตย์ได้ที่