ห่างเพียงแค่แม่น้ำเจ้าพระยาคั่น ก็ราวกับเหมือนอยู่คนละฝั่งโลก เรากำลังก้าวขึ้นเรือข้ามฟากจากท่าเรือแถวบางนา โดยทิ้งป่าคอนกรีตระฟ้าไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าไปยังคุ้งบางกระเจ้า ลมหายใจสีเขียวแห่งเมืองกรุง เพื่อค้นหาวิถีชุมชนที่ผูกไว้กับสายน้ำ ณ ชุมชนบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเล่ากันว่าในอดีตพื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มมีกอบัวขึ้นอยู่ตามหนองน้ำ ลำประโดง เป็นจำนวนมาก ชาวทั่วไปจึงเรียกติดปากว่า "บางกอบัว" อีกทั้งริมคลองบ้านแพซึ่งในอดีตใช้เป็นเส้นทางหลักในการเดินทางมีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น จึงได้รับการปรับปรุงมาเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อศึกษาธรรมชาติริม 2 ฝั่งคลอง
กิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
1. สัมผัสวิถีชุมชนบางกอบัว ผ่านสายน้ำคลองแพ
2. เรียนรู้การทำลูกประคบสมุนไพรสด
3. สัมผัสประสบการณ์การนวดท่ามกลางธรรมชาติและอาหารว่างแสนอร่อย
4. ปั่นจักรยานสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ แวะกราบสักการะหลวงปู่เหมือน
5. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านคลองบน เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านของสะสมโบราณ
6. ชิมอาหารจานเด็ดจาก “กรุบมะพร้าว” วัตถุดิบท้องถิ่นที่หาทานยาก
7. ทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ผืนเดียวเดียวในโลก
8. สปาเท้าน้ำสมุนไพร ภูมิปัญญาแห่งความผ่อนคลาย
* นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบกิจกรรมที่เหมาะสมในแต่ละช่วง และติดต่อชุมชนล่วงหน้า เพื่อให้ทางชุมชนได้เตรียมความพร้อมในแต่ละกิจกรรมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
1. สัมผัสวิถีชุมชนบางกอบัว ผ่านสายน้ำคลองแพ
จุดเริ่มต้นของประสบการณ์ใหม่ในวันนี้ คือ ที่ทำการชมรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบางกอบัว ซึ่งมีพี่เอนก ประธานชมรมฯ มาต้อนรับทักทายและพาพวกเราเดินไปทางด้านหลังบ้านที่เป็นท่าเรือเล็กๆ เพื่อมาทำกิจกรรมล่องเรือผ่านเส้นทางสายน้ำคลองแพ ให้เราได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวบางกอบัว ที่ผูกพันกับสายน้ำมาแต่ในอดีต “เมื่อก่อนคลองแพ คือ เส้นทางค้าขายทางน้ำที่สำคัญของชาวบางกอบัวที่จะไปยังท่าเรือคลองเตย แต่พอมีถนน เรือก็ถูกเก็บไว้ไม่ได้ใช้ สมัยก่อนแถวๆ นี้ ต้นจาก, หวาย, ลำพู, โกงกางแน่นไปหมด” เสียงลุงจิตรนายท้ายเรือลอยมาท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดอุโมงค์ป่าจากมาเป็นระยะๆ บรรยากาศรอบตัวร่มรื่น โดยการล่องเรือไปกลับจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ล่องไปจนสุดคลองแพ แล้วแวะขึ้นจุดชมวิวที่มองเห็นฝั่งริมน้ำเขตคลองเตย ก็จะพบกับกรุงเทพในอีกมุมมองที่มีวิวเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่เงียบสงบ ฉากหลังเป็นตึกระฟ้าหนาแน่น
ประมาณการค่าใช้จ่ายกิจกรรมล่องเรือคลองแพ 100 บาท/ท่าน
2. เรียนรู้การทำลูกประคบสมุนไพรสด
หลังจากพายเรือกันเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ก็ได้เวลามาหัดทำลูกประคบสมุนไพรสดกับน้ากานดา มือวางอันดับหนึ่งทางด้านสมุนไพรของบ้านบางกอบัว “ลูกประคบ” ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใช้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและแก้อาการปวดเมื่อยมาแต่โบราณ โดยที่บางกอบัวจะนำลูกประคบสด มานวดบริเวณ คอ บ่า ไหล่ และ หลัง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่มีการใช้งานค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะอาการออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นมากในหมู่พนักงาน ในส่วนของตัวลูกประคบมีส่วนผสม เช่น ตะไคร้ ขมิ้นชัน ใบมะขาม ไพล ฯลฯ ซึ่งลูกประคบสมุนไพรสดจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าสมุนไพรอบแห้ง เพราะตัวยาจะซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนังได้ดีกว่า
3. สัมผัสประสบการณ์การนวดท่ามกลางธรรมชาติและอาหารว่างแสนอร่อย
เมื่อได้ลูกประคบที่ทำเองสดๆ กับมือมาแล้ว เราก็จะได้มาลองนวดลองประคบกันจริงๆ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติริมคลองแพ ได้นวดทั้งร่างกายและผ่อนคลายทั้งจิตใจ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากนวดก็สามารถนั่งเล่นทานอาหารว่างริมน้ำ ซึ่งจะเป็นเมนูที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละฤดูกาล โชคเข้าข้างที่ในวันนี้เราได้ทานข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ GI แห่งคุ้งบางกะเจ้า ที่ว่ากันว่าเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ที่มีความหวานมากที่สุดในประเทศไทย
ประมาณการค่าใช้จ่ายกิจกรรมสอนทำลูกประคบ นวด คอ หลัง เวลา 30 นาที และขนมพื้นบ้าน 299 บาท/ท่าน
4. ปั่นจักรยานสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ แวะกราบสักการะหลวงปู่เหมือน
เปลี่ยนกิจกรรมมาออกแรงปั่นจักรยานลัดเลาะซอกซอยบนเส้นทางสีเขียวสัมผัสชุมชนในพื้นราบกันบ้าง เราปั่นไปยังวัดบางกอบัว เพื่อกราบสักการะหลวงปู่เหมือน อริยะสงฆ์แห่งบางกอบัว ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงามสมสมณศักดิ์ จึงเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชาวบางกอบัว
5. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านคลองบน เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านของสะสมโบราณ
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านคลองบน เป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้วิถีชีวิตคนท้องถิ่น แหล่งรวมของเก่าหรือของโบราณที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งในปัจจุบันค่อนข้างหาดูได้ยากมากแล้ว “ลุงแดง ไกรสมโภช” ชาวบางกอบัวผู้หลงรักของเก่า ได้เก็บสะสมเครื่องเงิน เครื่องลายคราม เครื่องปั้นดินเผา เครื่องครัว เครื่องมือการทำสวน และเงินตราสมัยโบราณ ไว้มานานหลายสิบปี และได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ถึงเรื่องราวในอดีตของชาวบางกอบัว โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
6. ชิมอาหารจานเด็ดจาก “กรุบมะพร้าว” วัตถุดิบท้องถิ่นที่หาทานยาก
สนุกกันมาครึ่งวันแล้ว ก็ได้เวลามาเติมพลังกับอาหารจานเด็ดของชาวบางกอบัว เพียงแค่ได้เห็นสำรับอาหารบนโต๊ะ ก็รู้ได้ทันทีถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ สะท้อนผ่านเมนูอาหารต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่มาจากวัตถุดิบในชุมชน โดยเฉพาะเมนูเด็ดอย่าง “แกงกรุบมะพร้าวกุ้งสด” เป็นแกงที่หาทานได้ยากเพราะต้องใช้ส่วนของกะลาที่ยังอ่อน หรือเรียกว่า “กรุบมะพร้าว” นำมาซอยและแกงกับเครื่องแกงเผ็ดที่หอมอร่อยลงตัว เมนูนี้จึงมัดใจพวกเรากันไปตามๆ กัน นอกจากนี้ยังมีเมนู ห่อหมกปลาบนใบยอ รสชาติกลมกล่อม เนื้อปลาแน่นหวาน, น้ำพริกมะขามพร้อมผักเคียง, มะระต้มจืด และตบท้ายด้วยไข่เจียว
7. ทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ผืนเดียวเดียวในโลก
เปิดประสบการณ์ลงมือออกแบบมัดลายผ้า ทำผ้ามัดย้อม D.I.Y. จากสีธรรมชาติของวัตถุดิบที่หาได้ในชุมชนบางกอบัว เช่น ลูกจาก ขมิ้น ใบหูกวาง และดาวเรือง จะให้สีย้อมสีเหลือง, ไม้ฝาง จะให้สีย้อมสีแดงหรือชมพู, กาบมะพร้าว ตะบูน จะให้สีย้อมสีน้ำตาล แต่สำหรับใครที่อยากทำให้ตัวสีเข้มขึ้น สามารถใช้น้ำปูนขาว, เกลือเติมลงไปในน้ำได้ เพื่อทำให้ได้สีที่เข้มกว่าปกติ แค่นี้เราก็จะได้ผ้ามัดย้อมสีเอิร์ธโทนสวยๆ ผืนเดียวในโลกมาไว้ใช้เป็นลายของตัวเองเท่ห์ๆ กันแล้ว
ประมาณการค่าใช้จ่ายกิจกรรมทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ 100 บาท/ท่าน (พร้อมได้ผ้าเช็ดหน้า 1 ผืน)
8. สปาเท้าน้ำสมุนไพร ภูมิปัญญาแห่งความผ่อนคลาย
ก่อนจะจากชุมชนบางกอบัวไป พวกเราแวะกันต่อที่ชมรมสมุนไพรบางกอบัว โดยกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกันคิดค้นนำสมุนไพรที่ปลูกอยู่ในชุมชน มาทำสปาเท้าน้ำสมุนไพร โดยใช้สมุนไพรกว่า 7 ชนิด ได้แก่ ชุมเห็ด ส้มป่อย ไพล ขมิ้น ตะไคร้ มะกรุด เหงือกปลาหมอต้ม มาผสมกับน้ำอุ่นในอ่างแช่ 15 นาที เพื่อบำบัดผ่อนคลาย ลดอาการชาของเท้าและมือ หลังจากนั้นก็จะนวดเท้าต่อด้วยน้ำมันมะพร้าวเพื่อให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นผ่อนคลาย หากใครติดอกติดใจ อยากกลับไปทำให้คนรู้ใจที่บ้าน ก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแพคเกจที่พร้อมใช้ ซื้อกลับไปใช้งานแบบสำเร็จรูปที่บ้านได้
ประมาณการค่าใช้จ่ายกิจกรรมสปาเท้าแช่น้ำสมุนไพร 150 บาท/ท่าน
พิกัดการเดินทางไปยังชุมชน
การเดินทาง
ติดต่อผู้ประสานงานการท่องเที่ยวโดยชุมชน และที่พักโฮมสเตย์ได้ที่